เมื่อวันที่ 19 ม.ค. พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผบช.สอท. พล.ต.ต.ชรินทร์ โกพัฒน์ตา ผบก.สอท.5 พ.ต.อ.ศรายุทธ จุณณวัตต์ รอง ผบก.สอท.5 พ.ต.อ.บัญชา ศรีสุข รอง ผบก.สอท.5 พ.ต.อ.กู้เกียรติ วงษ์พันธ์ ผกก.4 บก.สอท.5 จับกุมนายสุชาติ เพ็งชัย อายุ 44 ปี ตามหมายจับของศาลจังหวัดตรัง ที่ 22/2565 ลงวันที่ 17 ม.ค. 65 ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น โดยจับกุมตัวได้ที่สถานีตำรวจนครบาลพหลโยธิน แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม. โดยหลอกพระกรวิชญ์ วชิรญาโณ วัดมหัตตมังคลาราม จ.สงขลา ว่าเป็นพนักงานบริษัทขนส่ง บอกว่ามีพัสดุถูกกรมศุลกากรตรวจสอบว่าเข้าข่ายผิดกฎหมาย และมีรายชื่อติดในเครือข่ายฟอกเงิน โดยคนร้ายอีกรายอ้างชื่อเป็นตำรวจ
พระกรวิชญ์ เปิดเผยว่า ในฐานะที่เราอยู่ในผ้าเหลือง โดยมีผู้หญิงชื่อ รภีพร โทรมาอ้างเป็นพนักงานบริษัทขนส่ง บอกว่ามีพัสดุถูกกรมศุลกากรตรวจสอบว่าเข้าข่ายผิดกฎหมาย ด้านในมีหนังสือเดินทาง 14 เล่ม บัตรเอทีเอ็ม 10 ใบ เสื้อผ้าอีก 8 ชุด ทางคอลเซนเตอร์ เขาถามว่าใช่ตนเองที่ส่งไปรึป่าว ตนเองบอกไปว่าไม่ได้ส่ง และเขาก็ถามต่อว่า ได้เอาเอกสารบัตรประชาชน ไปยื่นที่ไหนที่อาจจะรั่วไหลบ้าง คอลเซนเตอร์ปลายสาย ที่อ้างเป็นพนักงาน บ.ขนส่ง บอกว่าถ้าไม่ใช่ หลวงพี่ ก็ต้องยืนยันความบริสุทธิ์ใจกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยมีการส่งต่อให้คุยผ่านวิดิโอคอล ระบุว่าเป็น ตำรวจ สภ.เมืองเชียงใหม่ ตำรวจคนที่ 1 อ้างตัวเป็นผู้หมวด และส่งต่อไปยังตำรวจคนที่ 2 อ้างตัวเป็นสารวัตร ชื่อ ร.ต.อ. ภาณุวัฒน์ ด้วงบ้านยาง ในสายมีเสียง วอ (วิทยุสื่อสาร) ตลอดเวลา
พระกรวิชญ์ เปิดเผยอีกว่า จากนั้นชายที่อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ วิดิโอคอล ขอดูหน้า เพื่อยืนยันว่าเป็นพระจริง และได้ถามเลขบัตรที่บัตรประชาชน ก่อนจะบอกชื่อว่านายกรวิชญ์ พรมวงษ์ ซึ่งเป็นชื่อจริงของพระ มีชื่อติดในเครือข่ายฟอกเงินกับ นายสมศักดิ์ มีการฟอกเงินนับ 1,000 ล้าน และนายสมศักดิ์ได้ซัดทอด อ้างว่าแบ่งเงินให้พระกรวิชญ์ 850,000 บาท ตนเองก็ปฏิเสธไปทันที ว่าไม่ได้รู้จักเขา และไม่ได้รับจ้างเปิดบัญชีแต่อย่างใด คุยไปนานเกือบ 1 ชั่วโมง ตนเองจึงยอมโอนเงินไปให้ 140,000 บาท ที่ถูกอ้างว่าต้องโอนเงินไปให้ตรวจสอบ หลังโอนเงินไป รออยู่ 30 นาที ก็เริ่มเอะใจ เลยเอาชื่อตำรวจ ไป search ดูในกูเกิ้ล เลยเจอว่ามีตำรวจชื่อนี้จริงๆ แต่ 2 นาที หลังจากนั้น ฝั่งมิจฉาชีพก็บอกเข้ามาว่า “ขออนุญาตบล็อกนะครับหลวงพี่” พอตนเองได้ยินถึงกับใจสั่นน้ำตาไหลเลย
พระกรวิชญ์ เปิดเผยอีกว่า นายตำรวจที่ถูกอ้างชื่อ ร.ต.อ. ภาณุวัฒน์ ด้วงบ้านยา พบว่ามีตัวตนอยู่จริง แต่อยู่สภ.บางระกำ จ.พิษณุโลก และได้คุยกับตำรวจนายนี้แล้วแจ้งว่าถูกนำชื่อไปอ้างเช่นกัน ตำรวจรายนี้บอกว่า หลวงพี่เป็นรายที่ 40 แล้วที่มิจฉาชีพเอาชื่อไปหลอก จากนี้อยากให้หน่วยงานไหนก็ได้ เข้ามาช่วยเหลือเพราะเงินก้อนนี้ เป็นก้อนสุดท้ายในชีวิต และเตรียมไว้ใช้หนี้ ให้ครอบครัว แต่กลับมาเสียค่าโง่ให้มิจฉาชีพ
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.รัษฎา จ.ตรัง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป