เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 18 ม.ค. ที่ ห้องประชุม MDES1 ชั้น9 กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พร้อม พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รอง ผบก.ปอท. / รอง โฆษก ตร. ร่วมแถลงข่าวกรณี คุณพ่อของ นายสุขพัฒน์ หรือ ส้วม โล่ห์วัชรินทร์ อายุ 36 ปี ดารานักแสดง ถูกแก๊ง Call center แอบอ้างพนักงานบริษัทประกันภัย เอไอเอ.และเป็นตำรวจ สภ.ภูเก็ต หลอกโอนเงินสูญไปกว่า 1.35 ล้านบาท โดยอ้างว่าคุณพ่อกระทำผิด เกี่ยวข้องกับสิ่งผิดกฎหมาย หากไม่อยากให้บัญชีธนาคารต้องถูกฟรีซ (ระงับการใช้งาน) เป็นระยะเวลานาน 7 เดือนเพื่อตรวจสอบ ขอให้โอนเงินในบัญชีมายังบัญชีธนาคารของพนักงาน ปปง. พ่อของตนหลงกลคนร้ายจึงโอนเงินไปบัญชีที่คนร้ายแจ้งมาจำนวน 3 ครั้ง ครั้งแรก 5 แสนบาท ครั้งที่สอง 5 แสนบาท ครั้งที่สาม 3.5 แสนบาท รวมเป็นเงิน 1.35 ล้านบาท เหตุเกิดเมื่อวันเสาร์ที่ 15 ม.ค.ที่ผ่านมาก่อนจะแจ้งความตำรวจ สน.พหลโยธิน แต่อายัดไม่ทันคนร้ายโอนเงินไปบัญชีม้าอื่นๆ หมด
นายสุขพัฒน์ หรือส้วม กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนเองก็ถูกคนร้ายโทร.มาอ้างเป็นตำรวจ สภ.เมืองเชียงใหม่ มีการพัวพันขบวนการผิดกฎหมายต้องโอนเงินให้ตรวจสอบถึง 3 ครั้งเหมือนกันแต่ไม่หลงเชื่อ ว่าจะเตือนพ่อแม่ที่บ้านให้ระวังแต่ก็ลืม คุณพ่อจึงมาโดนแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกจนได้ ตอนนี้คุณพ่อของตนเองกำลังอยู่ในอาการเครียดแล้วก็เสียดายเงินที่ตั้งใจสะสมมาหลายปี
นายชัยวัฒน์ รมว.ดีอีเอส กล่าวว่า สำหรับบัญชีที่มีการโอนเงินไปนั้นทางเจ้าหน้าที่สืบทราบว่าเป็นบัญชีม้าและได้อายัดบัญชีไว้แล้วแต่ เงินจำนวนดังกล่าวถูกโยกย้ายออกนอกบัญชีไปแล้ว ซึ่งในขณะนี้ทางตำรวจ อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมาย พร้อมฝากเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อหากมีบุคคลโทรศัพท์กล่าวอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหลอกให้โอนเงิน หรือส่งเอกสารหลักฐานมาทาง LINE เพราะ พอได้ภาพเหล่านี้สามารถตัดต่อได้ ยืนยันหน่วยงานราชการไม่มีการโทรหาประชาชนโดยตรง พร้อมเตือนไปยังผู้ที่ซื้อขายบัญชีธนาคารหรือรับเปิดบัญชีม้า ถือว่ามีความผิดฐานฟอกเงินในฐานะของผู้รับจ้างผู้กระทำความผิดอีกทอดหนึ่ง คดีของนายสุขพัฒน์ได้มอบให้ บช.สอท.และ บก.ปอท.ช่วยตรวจสอบคดีจากพื้นที่ สน.พหลโยธินต่อไปด้วย
ด้าน พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ รอง ผบก.ปอท.กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมาอาชญากรรมในรูปแบบของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มักจะแอบอ้างเป็นตำรวจหรือหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย จากนั้นอ้างว่าบัญชีธนาคารของท่านมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดหรือพัสดุที่ส่งไปต่างประเทศมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องผิดกฎหมาย เช่น ยาเสพติด ค้ามนุษย์ ฯลฯ ต้องโอนเงินในบัญชีธนาคารมาให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้ว ปัจจุบันมีได้มีการพัฒนารูปแบบไปถึงการปลอมหมายเรียกของพนักงานสอบสวน หรือเอกสารของหน่วยงานราชการ เพื่อใช้ทำให้เหยื่อเกิดความตกใจหวาดกลัวว่าจะถูกดำเนินคดี จึงหลงกลโอนเงินไปยังบัญชีมิจฉาชีพ
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอเรียนกับพี่น้องประชาชนว่า หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายต่าง ๆ ไม่มีความจำเป็นใดที่จะต้องให้เจ้าของบัญชีธนาคารโอนเงินมาให้กับเจ้าหน้าที่เพื่อทำการตรวจสอบ ซึ่งหากเป็นบัญชีธนาคารที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด พนักงานสอบสวนหรือเจ้าหน้าที่อาจใช้อำนาจตามกฎหมายทำการตรวจสอบข้อมูลกับธนาคารหรืออายัดเงินในบัญชีธนาคารดังกล่าว ขอประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนว่า หากได้รับโทรศัพท์แอบอ้างในลักษณะดังกล่าว ควรปฏิบัติดังนี้ 1.ตั้งสติ อย่าตกใจ และอย่าหลงเชื่อ 2.สอบถามเรื่องที่เกิดขึ้นให้แน่ชัด และสำรวจว่าตนเองมีความเกี่ยวพันกับเรื่องที่คนร้ายโทรมาหลอกลวงหรือไม่ 3.อย่าดำเนินการใด ๆ โดยแจ้งว่าจะติดต่อกลับในภายหลัง และรีบวางสายสนทนา 4.ตรวจสอบข้อมูลกับแหล่งที่เชื่อถือได้ เช่น ธนาคารหรือหน่วยงานที่ถูกแอบอ้าง โดยติดต่อไปยังเบอร์โทรศัพท์ของหน่วยงานนั้นๆ 5. หากมีผู้ใดโทรมาสอบถามข้อมูลส่วนตัว ให้คิดไว้เสมอว่าอาจจะเป็นพวกมิจฉาชีพ และต้องไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวใดๆ อย่างเด็ดขาดหากพี่น้องประชาชนพบว่า มีบุคคลอ้างว่าเป็นธนาคาร หรือหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย ขอให้ท่านโอนเงินไปให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ กรุณาแจ้งเบาะแสไปยังสายด่วน 191 หรือ สายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง